วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กระจกส่องใจ

ในสมัยพุทธกาล มีเรื่องเล่าว่า :- วันหนึ่ง พระราหุลนั่งอยู่ในสวนมะม่วงในกรุงราชคฤห์ พระพุทธองค์เสด็จไป ณ.ที่นั้น
เมื่อประทับนั่งบนอาสนะเรียบร้อยแล้ว ได้ตรัสถามพระราหุลว่า
“ราหุล กระจกเงามีประโยชน์อย่างไร”
“มีประโยชน์สำหรับส่อง พระเจ้าข้า” พระราหุลตอบ
พระพุทธองค์จึงทรงประทานโอวาทแก่พระราหุลว่า
“ดูก่อนราหุล นี่แลฉันใด ปัญญาก็มีประโยชน์สำหรับส่องฉันนั้น
ก่อนที่เธอจะทำการงานสิ่งใดพึงพิจารณาดูให้ดีก่อน ถ้ารู้ว่าการงานเป็นไปเพื่อการเบียดเบียน ตนเองก็ดี เบียดเบียนผู้อื่นก็ดี หรือทั้งตนเองทั้งผู้อื่นก็ดี การงานนั้นเธอไม่ควรทำ แม้ในขณะที่ทำอยู่ก็พึงพิจารณาอย่างนั้นอีก ถ้ารู้ว่าเป็นโทษดังกล่าวแล้วพึงงดเสีย
ถ้ารู้ว่าไม่มีโทษเธอจงหมั่นทำเถิด หรือการงานที่พิจารณาเสร็จไปแล้ว ก็พึงพิจารณาอย่างนั้นอีก ถ้ารู้ว่ามีโทษก็พึงสารภาพผิดแล้วสำรวมระวังต่อไป ถ้ารู้ว่าไม่มีโทษก็พึงยินดีปราโมทย์กับงานที่บริสุทธิ์นั้นทุกคืนวันเถิด”
พระพุทธโอวาทที่ตรัสกับพระราหุลนี้ ถ้าเราทุกคนจะน้อมมาพิจารณาตรวจสอบดู กับการงานของเราซึ่งทำเป็นประจำ ก็จะเป็นเสมือนกระจกเงาสำหรับส่องจิตใจ เพื่อป้องกันมิให้ทำงานผืดพลาด หรือแม้ผิดพลาดไปแล้ว ก็ยังมีโอกาสกลับตัวได้โดยง่าย เพราะมีสติรู้ตัวอยู่ จึงควรน้อมพระพุทธโอวาทนี้มาสู่ตัวเราโดยทั่วกันเทอญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น